สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิคใหม่บนเว็บนี้ครับพึ่งตั้งกระทู้แรก เนื่องจากมีความเครียดอย่างมากและปรึกษาเพื่อนหรือคนใกล้ตัวแล้วยังไม่ได้คำตอบที่ดีพอที่จะทำให้แฟนนผมออกไปหางานทำได้ ผมจึงมาตั้งกระทู้นี้เพื่อสอบถามจากทุกๆท่านที่เล่นเว็บนี้ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี อ่านเรื่องราวของผมกันเลยดีกว่าครับ...
เมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้ว แฟนของผมได้เรียนจบปริญญาตรีและตัดสินใจว่าจะออกจากบ้านที่อยู่กับครอบครัวมาอยู่ตัวคนเดียว ที่ กทม. โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะหางานทำหรือสอบข้าราชการสักอย่างที่สามารถสอบได้ โดยเธอได้เช่าหออยู่ เดือนละ 4500 บาท ต่อมาแฟนผมได้เริ่มหาสมัครงานต่างๆ ซึ่งผลตอบรับดีพอสมควร เพราะเธอสมัครที่บริษัทไหนส่วนใหญ่เค้าจะเรียกตัวทั้งหมด และเธอก็ได้เริ่มทำงานหลักจากไปอยู่ที่ กทม. ได้ไม่นาน ทุกอย่างกำลังลงตัวเนื่องจากเธอได้งานทำำ เงินเดือนค่อนข้างน้อยแต่มีค่าคอมมิชชั่นเยอะพอสมควร เรื่องราวมันควรจะดำเนินไปแบบนี่จนวันที่เธอสอบข้าราชการหรือหาบริษัทที่ดีกว่านี้ได้ แต่ ด้วยความที่เธอมีเพื่อนเยอะ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน ทำให้เธอได้รับข้อมูลว่าบริษัทนี้ไม่ดีนะจ่ายค่าคอมมิชชั่นไม่ครบ หักเงินเดือน และต่างๆอีกมากมาย ทำให้เธอตัดสินใจที่จะ หยุดทำงานกับบริษัทดังกล่าว และหางานใหม่หลังจากทำงานได้เพียง 1 วัน เรื่องราวกลับมาเป็นเหมือนแบบตอนที่เธอพึ่งขึ้นมาอยู่ กทม. ได้แรกๆ เธอต้องตระเวณหาสมัครงานต่างๆอีกครั้ง จนกระทั่งได้ทำงานที่บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง เธอก็ไปทำงานตามปกติ จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เธอลาออก... และตัดสินใจจะมาหางานใหม่และรอสอบข้าราชการสังกัดหน่วยงานหนึ่ง เนื่องจาก รุ่นพี่ที่บริษัท ไม่ค่อยสอนงาน และโยนงานต่างๆมาให้เธอ และเธอต้องคอยแก้งานให้กับน้องใหม่อีกคน เรื่องราวดำเนินต่อไป ทุกท่านอาจจะรู้สึกว่ามันวนลูป แต่จริงๆมันไม่ครับ เพราะครั้งนี้เรื่องราวได้ดำเนินไปในแบบที่เธอว่างงาน ใช่ครับ เธอว่างงานยาวมา 3-4 เดือน เธออาศัยการถูกหวยเพื่อจ่ายค่าห้อง และค่ากินต่างๆ
**ผมเคยพูดและบอกเธอให้เธอหางานทำหลายรอบจนผมไม่อยากจะพูดแล้วครับ เพราะพูดแล้วต้องทะเลาะกันจึงปล่อยให้เธอเป็นคนตัดสินใจหางานตอนที่เธอพร้อมเอง**
เรื่องราวดำเนินต่อไปครับ เธออาศัยการถูกหวย มาจ่ายค่าห้องที่บวกค่าน้ำและค่าไฟแล้ว ประมาณ 5000 บาท ต่อเดือน และ ค่ากินทั้งเดือนมาถึง 3-4 เดือน ทุกอย่างสำหรับเธอมันอาจจะลงตัว ถ้าเรื่องราวมันดำเนินไปแบบนี้ แต่ไม่... เดือนที่ผ่านมาเธอไม่ถูกหวย และเมื่อเธอไม่ถูกหวยสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เธอไม่สามารถจ่ายค่าห้องได้ และเงินค่ากินมีไม่พอและเธอได้ทำสิ่งที่ทุกท่านอาจคาดไม่ถึง เธอได้ตัดสินใจเล่นหวยจนถึงเส้นตายวันจ่ายค่าห้องครับโดยหวังว่าจะถูกซักครั้งเพื่อนำเงินมาหมุนค่าห้อง..
จนกระทั่ง วันที่ต้องจ่ายค่าห้องมาถึง เธอไม่ถูกหวยครับ และเงินที่มีก็หมดไปกับค่าหวย เธอจึงตัดสินใจไปกูเงินนอกระบบ ดอกร้อยละ 15 มาจ่ายค่าห้อง จำนวนหนึ่งเพื่อมาจ่ายค่าห้องเดือน ก.พ.เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และต้องจ่ายคืนภายในวันที่ 10 เม.ย. นี้ แต่ทว่าระหว่าง 1 เดือนที่ผ่านมานั้น เธอยังไม่ได้งานทำ. แต่เธอไปหาสมัครงานนะครับ แต่งานนั้น. เรียกตัวเดือน พ.ค. และแล้วเดือน เม.ย. ก็มาถึงความเครียดเริ่มเกิดกับเธอ เธอต้องหาเงินเพื่อจ่ายคืนที่ไปกู้มา ประมาณ 6000 กว่าบาท และค่าห้องอีกจำนวน 5000 บาท รวมแล้วเกือบ 12000 บาท แต่เธอไม่สามารถหาได้ ยืมเพื่อนเพื่อนก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่มี เธอจึงให้ผมสมัครบัตรกดเงินสดเพื่อให้ผมช่วยเธอโดยเธอจะผ่อนคืนให้ทุกเดือน ผมได้ยินดังนั้นผมก็เตรียมตัวสมัครบัตรกดเงินสดโดยบอกกับเธอว่า เธอต้องหางานทำนะอย่างน้อยระหว่างรองานที่เรียกตัวเดือน พ.ค. ทำงานอะไรก็ได้ ร้านสะดวกซื้อก็ได้ ให้เธอมีงานหลักก่อน ไว้เป็นหลักประกันว่าอย่างน้อยสิ้นเดือนเธอยังมีเงินแน่ๆถ้าทำงานนี้ แต่ทว่า ไม่เป็นดังที่ผมคิดอยากให้เธอทำำ เมื่อเธอบอกว่าเธอจะลงทุนเย็บหน้ากากอนามัยขายเธอหาเพื่อนช่วยทำการตลาดไว้แล้ว ผมจึงได้บอกกับเธอไปว่า เรายังไม่สามารถหวังกับการขายหน้ากากได้นะเพราะเราไม่รู้ว่าจะขายดีแค่ไหน แล้วถ้าขายไม่ดี เธอจะเอาเงินที่ไหนผ่อนบัตรให้เรา และจ่ายค่าห้องล่ะ หางานหลักงานนึงก่อนแล้วหน้ากากอนามัยเอาไว้เป็นอาชีพเสริมก็ได้แต่เธอ.... ไม่ฟังครับ เธอบอกว่าเธอไม่อยากทำงานร้านสะดวกซื้อ เธอบอกว่าถ้าทำงานแบบนั้นก็ไม่มีเวลาทำหน้ากากอนามัยขายพอดี....
**คำพูดดังกล่าวทำให้ผมจนปัญญาอีกครั้ง ผมไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้เลย ผมเครียดมากถ้าผมใช้บัตรกดเงินสดให้เธอ ผมต้องแบกรับภาระหนี้แทนเธอหากเธอไม่มีจ่ายผมต้องสำรองจ่ายก่อน ซึ่งทุกวันนี้เงินเดือนผมแทบจะไม่พอเหมือนกันเพราะผมผ่อนรถอยู่**
ผมเครียดมากครับทุกท่านช่วยผมหาวิธีพูดกับเธอให้เธอไปทำงานทีครับ
🙏🙏🙏 ขอบคุณครับ 🙏🙏🙏
ปัญหาชีวิตและการเงินของผมกับแฟน
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะเมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้ว แฟนของผมได้เรียนจบปริญญาตรีและตัดสินใจว่าจะออกจากบ้านที่อยู่กับครอบครัวมาอยู่ตัวคนเดียว ที่ กทม. โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะหางานทำหรือสอบข้าราชการสักอย่างที่สามารถสอบได้ โดยเธอได้เช่าหออยู่ เดือนละ 4500 บาท ต่อมาแฟนผมได้เริ่มหาสมัครงานต่างๆ ซึ่งผลตอบรับดีพอสมควร เพราะเธอสมัครที่บริษัทไหนส่วนใหญ่เค้าจะเรียกตัวทั้งหมด และเธอก็ได้เริ่มทำงานหลักจากไปอยู่ที่ กทม. ได้ไม่นาน ทุกอย่างกำลังลงตัวเนื่องจากเธอได้งานทำำ เงินเดือนค่อนข้างน้อยแต่มีค่าคอมมิชชั่นเยอะพอสมควร เรื่องราวมันควรจะดำเนินไปแบบนี่จนวันที่เธอสอบข้าราชการหรือหาบริษัทที่ดีกว่านี้ได้ แต่ ด้วยความที่เธอมีเพื่อนเยอะ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน ทำให้เธอได้รับข้อมูลว่าบริษัทนี้ไม่ดีนะจ่ายค่าคอมมิชชั่นไม่ครบ หักเงินเดือน และต่างๆอีกมากมาย ทำให้เธอตัดสินใจที่จะ หยุดทำงานกับบริษัทดังกล่าว และหางานใหม่หลังจากทำงานได้เพียง 1 วัน เรื่องราวกลับมาเป็นเหมือนแบบตอนที่เธอพึ่งขึ้นมาอยู่ กทม. ได้แรกๆ เธอต้องตระเวณหาสมัครงานต่างๆอีกครั้ง จนกระทั่งได้ทำงานที่บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง เธอก็ไปทำงานตามปกติ จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เธอลาออก... และตัดสินใจจะมาหางานใหม่และรอสอบข้าราชการสังกัดหน่วยงานหนึ่ง เนื่องจาก รุ่นพี่ที่บริษัท ไม่ค่อยสอนงาน และโยนงานต่างๆมาให้เธอ และเธอต้องคอยแก้งานให้กับน้องใหม่อีกคน เรื่องราวดำเนินต่อไป ทุกท่านอาจจะรู้สึกว่ามันวนลูป แต่จริงๆมันไม่ครับ เพราะครั้งนี้เรื่องราวได้ดำเนินไปในแบบที่เธอว่างงาน ใช่ครับ เธอว่างงานยาวมา 3-4 เดือน เธออาศัยการถูกหวยเพื่อจ่ายค่าห้อง และค่ากินต่างๆ
**ผมเคยพูดและบอกเธอให้เธอหางานทำหลายรอบจนผมไม่อยากจะพูดแล้วครับ เพราะพูดแล้วต้องทะเลาะกันจึงปล่อยให้เธอเป็นคนตัดสินใจหางานตอนที่เธอพร้อมเอง**
เรื่องราวดำเนินต่อไปครับ เธออาศัยการถูกหวย มาจ่ายค่าห้องที่บวกค่าน้ำและค่าไฟแล้ว ประมาณ 5000 บาท ต่อเดือน และ ค่ากินทั้งเดือนมาถึง 3-4 เดือน ทุกอย่างสำหรับเธอมันอาจจะลงตัว ถ้าเรื่องราวมันดำเนินไปแบบนี้ แต่ไม่... เดือนที่ผ่านมาเธอไม่ถูกหวย และเมื่อเธอไม่ถูกหวยสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เธอไม่สามารถจ่ายค่าห้องได้ และเงินค่ากินมีไม่พอและเธอได้ทำสิ่งที่ทุกท่านอาจคาดไม่ถึง เธอได้ตัดสินใจเล่นหวยจนถึงเส้นตายวันจ่ายค่าห้องครับโดยหวังว่าจะถูกซักครั้งเพื่อนำเงินมาหมุนค่าห้อง..
จนกระทั่ง วันที่ต้องจ่ายค่าห้องมาถึง เธอไม่ถูกหวยครับ และเงินที่มีก็หมดไปกับค่าหวย เธอจึงตัดสินใจไปกูเงินนอกระบบ ดอกร้อยละ 15 มาจ่ายค่าห้อง จำนวนหนึ่งเพื่อมาจ่ายค่าห้องเดือน ก.พ.เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และต้องจ่ายคืนภายในวันที่ 10 เม.ย. นี้ แต่ทว่าระหว่าง 1 เดือนที่ผ่านมานั้น เธอยังไม่ได้งานทำ. แต่เธอไปหาสมัครงานนะครับ แต่งานนั้น. เรียกตัวเดือน พ.ค. และแล้วเดือน เม.ย. ก็มาถึงความเครียดเริ่มเกิดกับเธอ เธอต้องหาเงินเพื่อจ่ายคืนที่ไปกู้มา ประมาณ 6000 กว่าบาท และค่าห้องอีกจำนวน 5000 บาท รวมแล้วเกือบ 12000 บาท แต่เธอไม่สามารถหาได้ ยืมเพื่อนเพื่อนก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่มี เธอจึงให้ผมสมัครบัตรกดเงินสดเพื่อให้ผมช่วยเธอโดยเธอจะผ่อนคืนให้ทุกเดือน ผมได้ยินดังนั้นผมก็เตรียมตัวสมัครบัตรกดเงินสดโดยบอกกับเธอว่า เธอต้องหางานทำนะอย่างน้อยระหว่างรองานที่เรียกตัวเดือน พ.ค. ทำงานอะไรก็ได้ ร้านสะดวกซื้อก็ได้ ให้เธอมีงานหลักก่อน ไว้เป็นหลักประกันว่าอย่างน้อยสิ้นเดือนเธอยังมีเงินแน่ๆถ้าทำงานนี้ แต่ทว่า ไม่เป็นดังที่ผมคิดอยากให้เธอทำำ เมื่อเธอบอกว่าเธอจะลงทุนเย็บหน้ากากอนามัยขายเธอหาเพื่อนช่วยทำการตลาดไว้แล้ว ผมจึงได้บอกกับเธอไปว่า เรายังไม่สามารถหวังกับการขายหน้ากากได้นะเพราะเราไม่รู้ว่าจะขายดีแค่ไหน แล้วถ้าขายไม่ดี เธอจะเอาเงินที่ไหนผ่อนบัตรให้เรา และจ่ายค่าห้องล่ะ หางานหลักงานนึงก่อนแล้วหน้ากากอนามัยเอาไว้เป็นอาชีพเสริมก็ได้แต่เธอ.... ไม่ฟังครับ เธอบอกว่าเธอไม่อยากทำงานร้านสะดวกซื้อ เธอบอกว่าถ้าทำงานแบบนั้นก็ไม่มีเวลาทำหน้ากากอนามัยขายพอดี....
**คำพูดดังกล่าวทำให้ผมจนปัญญาอีกครั้ง ผมไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้เลย ผมเครียดมากถ้าผมใช้บัตรกดเงินสดให้เธอ ผมต้องแบกรับภาระหนี้แทนเธอหากเธอไม่มีจ่ายผมต้องสำรองจ่ายก่อน ซึ่งทุกวันนี้เงินเดือนผมแทบจะไม่พอเหมือนกันเพราะผมผ่อนรถอยู่**
ผมเครียดมากครับทุกท่านช่วยผมหาวิธีพูดกับเธอให้เธอไปทำงานทีครับ
🙏🙏🙏 ขอบคุณครับ 🙏🙏🙏